วันอังคารที่ 13 กันยายน พ.ศ. 2554

ฮกหลงมังกร หลับใหล

                  
                กุนซือผู้ซื่อสัตย์ สุดยอด CEO ของจ๊กก๊ก มีนามว่า จูกัดเหลียง บุคคลสุดท้ายซึ่งมากความสามารถ และพลิกชะตาชีวิตของเล่าปี่จากไม่มีอะไรจนสร้างเนื้อสร้างตัว ด้วยสติปัญญา ที่เฉียบแหลม บวกกับความคิดที่ สุขุม รอบคอบ มีวิสัยทัศน์ที่กว้างไกล และความซื่อสัตย์ คำถามมีอยู่ว่าแล้วทำไม จูกัดเหลียงจึงมาอยู่กับ เล่าปี่ บุคคลผู้มาจากมือเปล่า และต่อกรกับโจโฉผู้มีอำนาจมาก แทนที่จะไปขอโจโฉทำงานด้วยคงรุ่งกว่าอยู่กับเล่าปี่
               จูกัดเหลียง หรือ ขงเบ้ง มีพี่น้อง 3 คน  บิดามารดาเสียชีวิต ตั้งแต่ยังเด็กต้องอยู่กับอา คือจูกัดเสียนผู้เป็นอา ต้องร่อนเร่ เพราะไฟสงคราม หนีไปพึ่งใบบุญ เล่าเปียว ที่เมืองเกงจิ๋ว สมัยนั้น เมืองเกงจิ๋ว สงบมากต่างจากเมืองอื่นเนื่องจากเล่าเปียวเลือกเดินสายกลาง ไม่อยู่ฝ่ายใด เมืองเกงจิ๋วจึงสงบ และเป็นที่อาศัยของเหล่านักปราชญ์ มาหาความสงบ และสมัยนั้น สุมาเต็กโชเป็นนักปราชญ์เลื่องชื่อ ได้ถูกเชื่อเชิญให้มาเปิด สำนักถ่ายทอดวิชาความรู้ สมัยนี้คงคล้ายๆ อ.อุ๊ สอนเคมี ดังๆ ไรประมาณนี้ อ.สุมาเต็กโชว์ได้ฉายาว่า คันฉ่องวารี ประมาณว่าดูคนออก ดูคนละเห็นแววได้เห็นเด็กเพียง  2 คน คือ ด..ขงเบ้ง กับ ด.. บังทอง ที่มีวิสัยทัศน์กว้างไกล และกล้าคิดกล้าทำ สุมาเต็กโชจึงถ่ายทอดความรู้ ทั้งหมดที่ตนมีให้ขงเบ้ง พูดง่ายๆ เรียนทุกคอร์ส ฟิสิกส์ เคมี ชีวะ แต่ตอนนั้นมันไม่มี ยังไม่พอยังผลักดันให้ไปศึกษาต่อกับ เฟิงจิ่ว ซึ่งเชียวชาญทางด้านตำราพิชัยยุทธ์ การทหาร และแนวคิดสำนักต่างๆ ทั้งขงจื้อ เล่าจื้อ และอื่นๆขงเบ้งได้ศึกษากับ เฟิ่งจิ่วถึง ปีครึ่ง จากที่ได้อ่านมา การศึกษาของขงเบ้งจะเป็น เน้นความเข้าใจมากกว่าการท่องจำ สามารถนำไปประยุกต์ใช้ได้จริง และขงเบ้งสมัยเด็กๆจะศึกษาหลายๆ แขนง ซึ่งแตกต่างจากเด็กคนอื่น ที่ศึกษาด้านใดด้านหนึ่งเพียงด้านเดียว ซึ่งไม่แปลกใจเลยที่ขงเบ้งมีความรู้มากมายหลายแขนง
               ต่อมาขงเบ้งได้รู้จัก บังเต๊กก๋ง เป็นผู้อาวุโสในเมืองเกงจิ๋ว และเป็นญาติผู้ใหญ่ของ บังทอง บังเต๊กก๋งเป็นผู้มีความสามารถมากๆ แต่ปฏิเสธการรับราชการ ขงเบ้งสมัยนั้นเป็นเด็กยากจน พูดง่ายๆถ้าเป็นสมัยนี้ก็เด็กที่ไม่มีเงินเรียนมหาลัยดีๆ ไม่มีรถเก๋งขับ เหรอไม่มีโทรศัพท์แพงๆแชท BB กับเพื่อน  เดินตามถนนทั่วไป ขงเบ้งเห็นว่า บังเต๊กก๋งมีความรู้มาก ที่สำคัญที่บ้านมีหนังสือเพียบเลย จึงไปรับใช้ มักนั่งคุกเข่า อย่างนอบน้อม บังเต๊กก๋งเห็นว่าเป็นเด็กที่มีสัมมาคารวะ รู้กาลเทศะ จึงอนุญาตให้ขงเบ้งเข้ามาดูตำราได้เรื่อยๆ
               เมื่อายุได้ 16-17 ปีก็ไปลาเล่าเปียว ขอหนีไปอยู่บนเขากับน้อง 2 คน ที่หลงจง เชิงเขาโงลังตั๋ง บังเต๊กก๋งเห็นขงเบ้งเป็นคนที่เฉลี่ยวฉลาด อัจฉริยะไปเก็บตัวอยู่กับป่าเขาธรรมชาติ เปรียบเสมือนมังกรซ่อนกาย รอจังหวะเหมาะที่จะทะยานขึ้นสูงสู้ท้องฟ้า จึงตั้งฉายาว่า ฮกหลงแปลว่ามังกรหลับใหล
               เล่าปี่เมื่อพ่ายแพ้ติดต่อกันหลายคราจึงได้คำแนะนำจากสุมาเต๊กโช ว่าหากท่าน จะคิดเป็นใหญ่ต้องไปหา 2 คนนี้ ฮกหลง และฮองซู นั้นก็คือ ขงเบ้ง และ บังทอง ภายหลัง ขงเบ้งได้มาเป็น CEO คนสุดท้ายเพียงอายุ 26 ปี เท่านั้น เพราะเล่าปี่ซื้อใจโดยไปหาถึง 3 ครั้ง เพื่อแสดงถึงความจริงใจ แต่นี้ไม่ใช่ประเด็นหลักของการมาของ ขงเบ้ง
               ขงเบ้งเป็นคนที่มีความมั่นใจในตัวเองสูง ขงเบ้งเห็นว่าการเลือก เจ้านาย  สำคัญกว่าเลือกบริษัท ดูได้จากการที่เค้าเลือกเล่าปี่ที่มีเพียงกองทหารเร่ร่อน ทั้งที่ชื่อเสียง เส้นสาย ในเกงจิ๋วสามารถทำงานกับ เล่าเปียวได้เลย หรือแม้กระทั้งไปสมัครงานกับโจโฉก็ได้ผลตอบแทนที่มากกว่า (สมัยนี้ใครได้ทำงานกับโจโฉ พ่อแม่คงมีหน้ามีตา ภูมิใจในตัวลูก) ขงเบ้งเลือกเล่าปี่เพราะต้องการอยู่ในองค์กรที่เขาสามารถแสดงความสามารถได้อย่างเต็มที่ ส่วนเล่าเปียวก็ขาดสภาวะผู้นำ อ่อนแอไม่เด็ดขาด ส่วนโจโฉก็ตรงกันข้ามเผด็จการเอาแต่ใจ ทั้งสองคนต่างไม่ใช่เจ้านายที่ขงเบ้งสนใจ  ขงเบ้งเคยกล่าวไว้ว่าหากตนไม่ได้ใช้ความสามารถอย่างเต็มที่ ขอไปปลูกผักอย่างเดิมดีกว่า ด้วยเหตุนี้เล่าปี่จึงเป็นนายที่ตรงตามเงื่อนไขของขงเบ้ง


1 ความคิดเห็น: